เมืองตานี
ไชยภูมิ์ที่
เรือสุริยมณฑลทอดสมอหน้าอ่าวเมืองตานี ด้านตวันตกเฉียงเหนือ น้ำลึก ๑๐ ศอก ไกลจากฝั่งประมาณ ๑๐๐ เส้น เห็นปากอ่าวเมืองตานี แลตึกบ้านกัปตันจีนเก่า อยู่ปากคลองตวันตก แลเห็นปากอ่าวยิริงทางทิศใต้ เรือต้องจอดไกลเพราะเปนหาดเลนตื้นออกมาไกล ที่ปากอ่าวมีหาดทรายทั้ง ๒ ข้าง น้ำในร่องประมาณ ๒ ศอก ที่หัวแหลมด้านตวันตกมีตึกกัปตันจีน ๒ หลังแฝด แลบ้านราษฎรเปนโรงเรือนจากอยู่หมู่หนึ่ง แหลมฝั่งตวันออกเข้าไปหน่อยหนึ่ง มีโรงเรือนอีกหมู่หนึ่ง
ที่ปากคลองกว้างประมาณ ๒ เส้นเศษ น้ำลึกประมาณ ๖-๗ ศอก ระยะทางตั้งแต่ปากคลองเข้าไปถึงเมืองทางประมาณ ๖๐ เส้น ที่หน้าเมืองลำคลองกว้างประมาณ ๒ เส้นเศษ ตัวเมืองตั้งลำน้ำฝั่งตวันออก มีตึกกัปตันจีนอยู่ริมน้ำหลังหนึ่งเปนตึกจีน ๒ ชั้นหันหน้าไปตวันออก แลมีบ้านโรงเรือนหลังคาจากสาคูฝาขัดแตะด้วยไม้บงอยู่ตามริมน้ำประมาณ ๕๐ หลังคาเรือน หน้าตึกกัปตันจีนริมน้ำมีถนนสัก ๒ เส้น มีตลาดขายผ้าแขกแลผลไม้ ๔-๕ ร้าน ที่ปลายถนนด้านเหนือมีตึกใหม่ของกัปตันจีน เปนเรือนจีน ๒ ชั้น ๓ หลังแฝด หลังหนึ่งขื่อประมาณ ๑๐ ศอกมีเฉลียงหน้าหลัง มีประตูใหญ่สกัดที่มุมบ้าน เดินเข้าประตูไปเปนถนนกว้างประมาณ ๔ วา สองฟากถนนมีตึกจีนชั้นเดียว ตั้งค้าขายสินค้ารายเรียงสลับกับโรงจากตลอดไปตามถนนประมาณ ๓ เส้น ฟากถนนด้านเหนือที่สุดมีศาลเทพารักษ์จีนชื่อว่าปุนเถ้าก๋ง เปนตึกเก๋งจีนใหญ่ ในจังหวัด ท้องตลาด ในประตูนี้เรียกว่าท้องตลาดจีน
ข้างปลายถนนจากตึกริมน้ำไปข้างใต้ มีลำกระโดงคั่นมีตพานข้ามต่อไป เปนถนนใหญ่กว้างประมาณ ๔ วา เปนถนนริมคลองไปประมาณ ๑๑-๑๒ เส้น มีวัดไทยตั้งอยู่ฟากถนนวัดหนึ่ง ชื่อวัดตานี อุโบสถทำลายหมด มีกุฏิฝากระดานมุงกระเบื้อง ๒ หลังแฝด มีพระพุทธรูปเลว ๆ ตั้งอยู่หลายองค์ ประดับด้วยเครื่องตกแต่งเปนของจีน เพราะกัปตันจีนที่เมืองตานีนั้นเปนสัปรุสในพระพุทธศาสนาแขงแรง ได้ช่วยอุปถัมป์ในวัดนั้น บริเวณวัดนี้รั้วไม้ไผ่ ประตูยอดตัดด้วยไม้กระดานสลักเปนราหูคาบจันทร์ มีพระสงฆ์อยู่ในวัดนั้น ๑๑ รูป
ในท้องถนนที่ว่ามานี้ต่อไปตามลำคลองตลอดไปจนถึงท่าน้ำ ซึ่งจะขึ้นบ้านพระยาตานี ระยะทางตั้งแต่วัดประมาณ ๒๕ เส้น ตามริมถนนข้างตวันออก มีบ้านเรือนราษฎรเปนหมู่รายเรียงไป ตามริมถนนมีสวนมะพร้าวเรียงรายตลอด ที่ท่าน้ำบ้านพระยาตานีนั้นมีบรรไดไม้ลงไปในน้ำกว้างประมาณ ๘ ศอก มีโรงจากอยู่ ๒ ข้าง ๒ โรง มีเสาธงสูง ๖ วาชักธงช้าง ตรงไปทางทิศตวันออกเปนถนนพื้นทรายกว้างประมาณ ๘ วา ข้างถนนด้านใต้มีตึกหลังคามุงกระเบื้อง เปนตึกขายสินค้าต่าง ๆ หลังหนึ่ง ต่อไปเปนโรงจาก ราษฎรขายของผ้าแขกแลเครื่องใช้ต่าง ๆ ตลอดไปจนถึงรั้วบ้านเจ้าเมือง ข้างถนนฝั่งเหนือมีโรงจากขายของผ้าแขกแลเครื่องใช้ต่าง ๆ เข้าไปประมาณ ๓ เส้น แล้วเปนทุ่งว่างเปล่าไป ตามหน้าโรงร้านขายของ ๒ ข้างถนนมีขยาบบ้างม้ามาตั้งบ้าง ขายของลูกไม้ขนมแลเครื่องชำต่าง ๆ
ถนนใหญ่ตั้งแต่ท่าน้ำถึงบ้านเจ้าเมือง ทางประมาณ ๖ เส้น ถึงประตูบ้านเจ้าเมืองชั้นนอก หันหน้าตรงไปทิศเหนือ รั้วบ้านชั้นนอกทำด้วยไม้บงขัดแตะยาวประมาณ ๓๐ วา สูงประมาณ ๘ ศอก ประตูไม้ติดกันเปน ๓ ประตู ๆ ใหญ่กลาง ประตูเล็ก ๆ ข้าง แล้วมีรั้วบ้านอีกชั้นหนึ่ง เปนกำแพงอิฐสูงประมาณ ๕ ศอก มีประตู ๓ ประตู ๆ ใหญ่สูงประมาณ ๓ วา ในลานระหว่างกำแพง ๒ ชั้นนั้น เปนลานทรายกว้าง ๑๒ วา ตั้งแต่ประตูชั้นในไปถึงหน้าหอนั่งประมาณ ๑๕ วา หอนั่งนั้น ๓ ห้อง ๒ หลัง ๆ นอกนั้นขื่อ ๖ ศอก มีเฉลียงรอบเสาเฉลียงลงดิน เสาในประทานมีขื่อคัดตัดแขวน ใต้ขื่อตรงเสามีบัว หลังในขื่อประมาณ ๘ ศอกเฉลียงรอบยกพื้นกระดานสูงจากพื้นหลังนอกประมาณศอกคืบมีชั้นลดที่เฉลียงมา อีกชั้นหนึ่งประมาณ ๑๖ นิ้ว จึงถึงพื้นชั้นนอกปูด้วยกระเบื้องหน้าวัว ที่หอนั่งหลังในมีฝากระดานทำเปนเฟี้ยมแขก ที่ห้องกลางมีเฟี้ยมกั้นห่างเปนลับแลออกมาห้องหนึ่ง ที่หลังเฟี้ยมเดินได้
หลังคามุงกระเบื้องขอ เปนรูปปั้นหยายาวประมาณ ๗ วา ๒ ศอกทั้งเฉลียง เรือนข้างในที่เปนเรือนอยู่ แลเปนส่วนผู้หญิงนั้นมีอีก ๒ หลัง ที่หอนั่งนั้นเพดานตกแต่งด้วยโคมหวดโคมหม้อสีต่าง ๆ พื้นชั้นบนปูพรมชั้นล่างลาดเสื่อกระจูด มีเก้าอี้โต๊ะฝรั่งหุ้มปูด้วยสักหลาดแดง ในบริเวณบ้านชั้นในนั้นเปนพื้นทราย อากาศร้อน มีต้นไม้เรียงรายพุ่มเล็ก ๆ ตามสมควร ที่หอนั่งชั้นล่างมีรถดอกก๊าดหลังหนึ่ง ที่ตรงประตูหน้าบ้านเจ้าเมืองออกไปข้างด้านเหนือไปทางทุ่งห่างประมาณ ๓ เส้น มีสุเหร่าแห่งหนึ่ง เปนศาลาหลังคามุงกระเบื้อง รูปเปนกระโจมแขกประมาณ ๕ วา ๔ เหลี่ยม ตามถนนหน้าบ้านเจ้าเมือง มีต้นไม้ปลูกเปนจังหวะ
อนึ่งลำน้ำเมืองตานีนี้ ตั้งแต่ท่าบ้านเจ้าเมืองขึ้นไปหน่อยหนึ่งเลี้ยวเปนแหลม ขึ้นไปทางตวันออกมีบ้านรายเรียงตามสมควร ลำน้ำตานีฝั่งตวันตกที่ตรงท่าบ้านกัปตันจีนมีเรือนราษฎร ๒ หย่อม ๓ หย่อม มีสวนมะพร้าวรายไปเปนอันมาก ถัดขึ้นไปมีคลองมีวัดไทยอีกวัดหนึ่งชื่อ วัดใหม่ มีพระสงฆ์ ๔ รูป เหนือตรงบ้านเจ้าเมืองขึ้นไป มีโรงทำกระเบื้องเผากระเบื้องหมู่หนึ่ง ไกลตลิ่งประมาณ ๑ เส้น ถัดไปอีกหน่อยมีโรงปั้น เผา ไห โอ่ง อีก ๒ หมู่ทำคล้ายกันกับเมืองสงขลา เปนพวกจีนเรียนมาแต่เมืองสงขลา ปลายน้ำตานีไปแยกที่เมืองระแงะแลเมืองยะลา
จำนวนบ้านจำนวนคน
ที่ปากอ่าวเมืองตานี แหลมริมฝั่งข้างตวันออกมีโรงเรือนจากราษฎรประมาณ ๕๐ หลัง คนประมาณ ๒๐๐ คน ถัดไปอีกหน่อยหนึ่งข้างฝั่งตวันตกมีโรงเรือนอีกหมู่หนึ่งประมาณ ๘๐ หลัง หมู่บ้านรายทางโรงเรือนตลาดถนนขึ้นกับบ้านเจ้าเมืองประมาณ ๒๐๐ หลัง คนประมาณ ๑๐๐๐ คน หมู่บ้านตามลำน้ำแลตามสวนที่รายไปในอาณาเขตรเมืองตานี รวมโรงเรือนบ้านราษฎรในเมืองตานีจะเปนประมาณ ๓๐๐๐ หลัง เปนคนประมาณ ๒๐๐๐๐ คนเศษ ถ้าจะคิดแบ่งคนเปนชาติ จะเปนแขกประมาณสองหมื่นเศษ จีนประมาณหกร้อยคน ไทยประมาณ ๒๐๐ คน
พวกราษฎรในเมืองตานี ไม่ต้องเสียค่าส่วยสาอากรสิ่งใด เปนแต่ต้องเสียค่าเรี่ยรายทำต้นไม้ทองเงินส่งกรุงเทพ ฯ สามปีครั้งหนึ่งคนละครึ่งเหรียญ เก็บไม่ว่าภาษาใดตามที่อาศรัยอยู่ในเมืองตานีนั้น ในเมืองตานีมีผู้ว่าราชการคนหนึ่งเปนเจ้าเมือง เปนบุตรพระยาตานีคนก่อน ได้ภรรยาหลวงเปนบุตรพระยากลันตันเดี๋ยวนี้ มีผู้ช่วยคนหนึ่งเปนอาพระยาตานีเดี๋ยวนี้ เปนผู้ช่วยบำรุงพระยาตานีจัดการบ้านเมือง นอกนั้นไม่เห็นมีใคร มีแต่กรมการหรือบ่าวไพร่ใช้สอยอีกหลายคน พระยาตานีคนนี้เปนหนุ่ม อายุได้ ๓๐ ปี ลักษณพูดจาเรียบร้อย ถ้าทางเปนคนฉลาดในป่า ๆ พูดจาถูกต้อง เปนคนมีกิริยาเคารพรับรองแขงแรงไม่ถือยศศักดิ์ แต่ไพร่บ้านพลเมืองเกรงกลัวมาก มีบ่าวตามตั้ง ๕๐-๖๐ คนตามประเพณีบ้านเมือง
พระยาตานีนั้นแต่งตัวนุ่งกางเกงแขก นุ่งโสร่งผ้า ใส่เสื้อแพรแขก โพกหัว ไม่ได้ใส่เกือก อานั้นเปนผู้ใหญ่อายุประมาณ ๔๐ ปีเศษ เปนคนไม่สู้มีราศีก็จริงอยู่ แต่ท่าทางเปนคนฉลาดเรียบร้อย กิริยาสนิทสนมกับพระยาตานีเปนอันมาก แต่งตัวนุ่งโสร่งไหม ใส่เสื้อผ้าสักหลาดดำ โพกผ้า ไม่ได้ใส่เกือก พวกกรมการอีก ๒-๓ คนนั้นเปนคนหนุ่มหน้าตาหมดจด นุ่งโสร่งไหมบ้างโสร่งผ้าบ้าง ใส่เสื้อ โพกผ้า พวกบ่าวไพร่นุ่งโสร่งไหมบ้างผ้าบ้าง มีผ้าขาวม้าไหมบ้างด้ายบ้าง ซับในผ้าโสร่งบ้าง คาดพุงบ้าง ที่ใส่เสื้อบ้างแต่เนื้อเปนพื้น ราษฎรผู้ชายนุ่งโสร่งไหมบ้าง นุ่งขาวม้าไหมบ้าง ต่าง ๆ โพกผ้าบ้าง ไม่โพกผ้าบ้าง ผู้หญิงนุ่งโสร่งไหมบ้าง โสร่งด้ายบ้าง คาดนมผ้าขาวม้าไหมบ้าง ผ้าขาวม้าด้ายบ้าง ราษฎรที่เดินอยู่ตามท้องตลาดแลถนนต่าง ๆ ไม่สู้เปนคนจนนัก แต่ไม่ใคร่จะมีมาก คนเดินห่าง ๆ ไม่หนาแน่น พวกจีนนั้นก็อยู่แต่ในหมู่ตลาดจีน คนไทยมีอยู่ในวัดบ้าง
ผลประโยชน์แลการหากิน
พวกแขกทำนาเกลือทำสวนทำนาเข้าบ้างเล็กน้อย ทำปลาบ้างล่องเรือค้าเหนือบ้าง ทำเหมืองทองรับส่งสินค้าแก่จีนบ้าง ขายของทอผ้าบ้าง พวกจีนตั้งค้าขายรับส่งสินค้าเข้าออกจากเมือง ทำเหมืองดีบุกทำภาษีปั้นหม้อปั้นอิฐ พวกไทยเปนคนเพริดหนีไปอยู่อาศรัยเปนต้น แลไปทำมาหากินอย่างพวกแขก แลช่วยพวกแขกทำ
สินค้าใหญ่ที่ซื้อขายแลจำหน่ายออก เกลือเปนใหญ่ น้ำมันมะพร้าว มะพร้าวห้าว ทองทราย ดีบุก สินค้าแลสิ่งของที่ซื้อขายในเมืองแลตลาด เข้าปลา เครื่องเทศแลเครื่องหอม แลของสดคาว ผักสดผลไม้ขนมต่าง ๆ ผ้าโสร่งผ้าโพกผ้าห่อผ้าต่าง ๆ เครื่องทองเหลือง เครื่องหม้อ เครื่องไห เครื่องใช้สอยต่าง ๆ จำนวนราคาสิ่งของในตลาด ทองคำทรายหนัก ๑ ตำลึงแขก คือ ๒ บาท ๒ สลึงเฟื้องไทย เปนเงิน ๒๖ เหรียญ ดีบุกขาวหาบละ ๒๑ เหรียญ ดีบุกดำหาบละ ๑๐ เหรียญ เกลือเกวียนแขก ๑ เท่า ๒ เกวียนไทย ราคา ๑๒ เหรียญ น้ำมันมะพร้าวหาบละ ๘ เหรียญ
สิ่งของที่ขายเปนต้นว่า ผ้าต่าง ๆ ผ้าม่วงไทยผืนละ ๕ เหรียญ ผ้าโสร่งไหมตั้งแต่ ๔ เหรียญ ถึง ๖ เหรียญ ผ้าโสร่งด้ายกุลีหนึ่งตั้งแต่ ๑๐ เหรียญ ถึง ๑๒ เหรียญ ผ้าขาวม้าไหมผืนละ ๓ เหรียญ ถึง ๕ เหรียญ ผ้าขาวม้าด้ายกุลีละ ๘ เหรียญ ถึง ๑๐ เหรียญ ผ้าขาวม้าไหมผืนละ ๒-๓ เหรียญ ผ้าห่อผ้าด้ายกุลีละ ๖ เหรียญ ถึง ๑๐ เหรียญ
ภาษีอากรในเมืองตานี มีอยู่แต่ภาษีฝิ่นบ่อนเบี้ยเตาสุรา ภาษีน้ำมันมะพร้าว นอกนั้นไม่มีภาษี เจ้าภาษีฝิ่น เตาสุรา น้ำมัน พระยาตานีตั้งให้จีนตันจูหลายเปนที่หลวงสุนทรภักดีรับผูก เจ้าภาษีได้ให้เงินผลประโยชน์แก่เจ้าเมืองตามสมควร
อนึ่งในเมืองตานีนี้ มีเหมืองทองคำหลายตำบลไปข้างปลายน้ำเมืองระแงะ เหมืองดีบุกหลายแห่งไปข้างเมืองยิริง
เรือค้าขายของคอเวอนเมนต์มีอยู่ลำหนึ่ง เปนเรือปริกอินตินคือเรือเสาครึ่งมีเพลาขวาง ได้เคยบรรทุกสินค้าไปขายที่เมืองสิงคโปร์ ในเวลานี้เรือจำเริญเมืองสงขลากำลังมาทอดบรรทุกเกลืออยู่ที่อ่าวตานี เรือจีนเรือแขกที่เปนเรือตะเภาเรือปากใต้เล็ก ๆ ค้าขายอยู่ที่ปากอ่าวเมืองตานีปีหนึ่งประมาณ ๔๐ ลำ เรือที่พลเมืองหากินค้าขายอยู่ในเมือง ออกไปหาปลาที่กลางทเลเปนต้น วันหนึ่งประมาณ ๕๐-๖๐ ลำ เพราะที่อ่าวเมืองตานีนั้น มีลมเรียกว่าแลนด์แอนด์ซีบริซอยู่เสมอเนือง ๆ คือ เวลาเช้าเปนลมพัดออกจากปากอ่าว เวลากลางวันเปนลมพัดเข้ามาในอ่าว เรือหากินแล่นเข้าออกได้สดวก
เรือที่ใช้ในเมืองนั้นเปนเรือใหญ่เล็กหลายอย่างรูปคล้าย ๆ เรือฉลอมบ้าง เรือสำปั้นมีราวกระแชงบ้าง ที่เปนเรือใบมีไม้เป็นขอที่สำหรับรับใบที่หัวเรือเปนการแปลก เรือสำหรับยศเจ้าเมือง หัวเปนนกใหญ่ท้ายเรือเปนหางนก มีหางเสือธงช้างปัก เปนเรือโถงใช้คนนั่งพายบนกระทงหน้า ๑๑ กระทง ท้าย ๓ กระทง คนถือท้ายคนหนึ่ง ถือหางเสือคนหนึ่ง ที่กลางกระทงข้างหน้าเรือนั้นมีไม้แขวนฆ้องใหญ่ ๑ ฆ้อง กลมโตประมาณศอกหนึ่ง เมื่อเวลาเรือเดิน ตีฆ้องย่ำรัวเปนพัก ๆ ฝีพายขานยาวอย่างแขกดังกิวก๊าว เล่มพายนั้นรูปเหมือนใบโพรี ๆ ปลายด้ามเปนลูกคลักสำหรับมือถือ
พวกแขกที่พายเรือนั้นแต่งตัวตามธรรมเนียมบ้านเมืองนุ่งห่ม แต่แขกพายไม่ใช้พายอ่อนแลเบาเลย เรือเดินเร็วมากกว่าเรือยาวในกรุงเทพ ฯ แลมีเรือสำหรับใช้สอยของเจ้าเมืองอีกรูปคล้ายกัน เปนรูปหัวหางนกบ้าง ทาสีทั้งลำบ้าง เปนเรือสำปันนียาว ๆ บ้าง เปนทำนองเรือราวกระแชงบ้าง ใช้คนนั่งกระทงพายทั้งสิ้น
จำนวนเงินตราที่ใช้กันในเมืองตานีนั้น ใช้เงินเหรียญแมกสิกันเปนใหญ่ มีเบี้ยดีบุกกลมเจาะรูกลางคล้ายแปะจีน กลมโตสูญไส้นิ้วหนึ่งกับกระเบียดเศษ รูในกว้างสูญไส้กึ่งนิ้วกับกระเบียดน้อย มีอักษรแขกทั้ง ๒ หน้า ราคา ๑๒๐ เปนก้อน ๔ ก้อนเปนโขก ๒ โขกเปนเหรียญแมกสิกัน เงินบาทก็ใช้ได้แต่ไม่ใคร่จะคล่อง
อาหาร
หมู เป็ด ไก่ ปลาสด ปลาแห้ง เนื้อโค เนื้อกระบือ เนื้อแกะ ผักปลูก ผักป่า ฟักแตง ถั่วต่าง ๆ ผลไม้ทุเรียน มังคุด ลางสาด มะม่วง มะปริง มะปราง ขนุน จำปาดะ ส้มจุก ส้มโอ เงาะ น้อยหน่า ขนมต่างๆ อย่างแขกเปนอันมาก
ความร้อนเย็น
ราษฏรกรมการมีความสุขสบาย เพราะไม่มีการกดขี่สิ่งใด ราษฎรต่างคนทำมาค้าขาย เจ้าเมืองไม่ได้เบียดเบียนสิ่งใด เปนแต่ขอแรงเปนครั้งเปนคราว ไพร่บ้านพลเมืองใช้สอยเหมือนบ่าวทาสในบ้าน ราษฎรรักใคร่พระยาตานี
วิธีธรรมเนียมการบำรุงบ้านเมืองสิ่งใดอาศัยเอาแบบอย่างเมืองกลันตัน พระยาตานีไปมาที่เมืองกลันตันเสมอเนือง ๆ เพราะภรรยาที่เปนบุตรพระยากลันตันนั้นมิได้มาอยู่เมืองตานี พระยาตานีต้องไปหาที่เมืองกลันตัน
อนึ่งในปีนี้ โคกระบือแพะแกะเปนอันตรายเกิดโรค เหมือนอย่างเมืองสงขลาโดยมาก แผ่นดินที่เมืองตานีเวลานี้อากาศร้อนจัดเพราะเปนที่ทราย ถ้าแดดจัดก็ร้อนยิ่งนัก ถ้าฝนตกค่อยสบาย